นับตั้งแต่ปี 2545 งบประมาณของประเทศด้านส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคได้ เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยถูกแยกเป็นส่วนๆ ตามภารกิจขององค์กร สภาพเช่นนี้ ด้านหนึ่งเป็นผลดีที่ช่วยกระจายบทบาทไปยังองค์กรที่มีความคล่องตัวสูง ไม่ติดในระบบราชการ และช่วยให้ประสิทธิภาพการทํางานดีขึ้น อีกด้านหนึ่งก็เป็นอุปสรรคต่อการดําเนินงานหรือการประสานนโยบายระหว่างหน่วยงานให้เป็นเอกภาพผ่านกลไกงบประมาณจะกระทําได้ยากขึ้น ดังนั้น ภายใต้ทิศทางการพัฒนาระบบสร้างเสริมสุขภาพของประเทศ จึงมีความจําเป็นต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ (Paradigm shift) ทั้งแนวคิดพื้นฐาน มุมมองต่อปัญหา และแนวปฏิบัติ เพื่อให้ระบบสามารถรับมือกับแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงของสังคม ตลอดจนความต้องด้านสุขภาพของประชากรไทยได้ทันท่วงที
|